รีวิววูนเด็ดนีจากผู้อ่าน#1

รีวิววูนเด็ดนีจากผู้อ่าน#1

ว่าด้วยเรื่องมนุษย์และความถูกต้อง

จากเรื่องนี้ มันสะท้อนภาพธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างชัดเจน ในตอนแรกผมคิดว่า มนุษย์เราจะทำร้ายคนอื่นๆเพื่อตัวเองได้มากเท่าใดจึงจะเรียกได้ว่าโหดร้าย แต่ความโหดร้ายจากกระทำในสายตาบุคคลที่สามของเรา นั้นอาจจะเป็นความถูกต้องในสายตาของคนพวกเดียวกัน มนุษย์มักจะหาความชอบธรรมมา สนับสนุนการกระทำของตัวเองมาแต่โบราณ อย่างน้อยการคือการล่าอาณานิคมของชาวต่างชาติ ลัทธิจักรวรรดินิยมในช่วงสงคราม และแน่นอน การขับไล่อินเดียนแดงในหนังสือเรื่องนี้ก็เช่นกัน

ในบทแรกๆของหนังสือ มีการกล่าวถึง เหล่าผู้มีความต้องการในการขับไล่อินเดียนแดง หลายต่อหลายครั้ง คนเหล่านี้มองว่าอินเดียนแดง ไม่เท่าเทียมกับ คนขาว ในบางครั้ง ขณะอ่านผมคิดไปว่าคนเหล่านี้อาจจะมองว่า อินเดียนแดง ไม่ใช่มนุษย์เสียด้วยซ้ำหากลองมาคิดดูอะไรคือแรงสนับสนุนให้เกิดการล้างเผ่าพันธุ์ในแบบอ้อมๆครั้งนี้ ในความคิดผม สาเหตุมาจากการที่คนขาวต้องการทรัพยากรแบบได้เปล่า พวกคนขาวต้องการพื้นที่อาศัย ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อตอบสนองการขยายตัวของประชากรในยุคนั้น พวกเขาจึงต้องหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา บวกกับชาวอินเดียนแดง แสดงช่องว่างที่สามารถให้คนขาวสามารถเอาเปรียบได้ ซึ่งก็คือการเข้าจู่โจม พ่อค้า ชาวไร่ หรือ ทหารในป้อมต่างๆหลายต่อหลายครั้ง ด้วยความโกรธสุดท้ายคนขาวจึงสร้างความถูกต้องขึ้นมา เหมือนกับหลายครั้งในประวัติศาสตร์ นำไปสู่การทำร้ายเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ผลลัพธ์ก็คือการที่อินเดียแดงเสียดินแดน ต้องทรมานจากการขาดแคลนอาหาร เผชิญกับความอดอยาก อย่างหนักหนาก็เสียชีวิต อย่างไร้ที่ฝัง

แน่นอนว่าคนขาว ไม่ได้เลวทรามไปเสียหมด มีหลายครั้งที่คนขาวต้องการที่จะผูกมิตรกับชาวอินเดียนแดง  แต่พวกเขาเหล่านี้ไม่มีอำนาจ มากพอที่จะช่วยเหล่าอินเดียนแดงได้ จากเงื้อมมือและกระสุนของเหล่าทหาร แน่นอนรวมถึง ความถูกต้องที่ถูกสร้างขึ้นจากคนขาวมาด้วย เหมือนกับคนดีที่ไม่มีอำนาจ ชาวอินเดียนแดงบางกลุ่มคาดหวังสันติสุขจากคำสัญญาของคนขาว พวกเขาคาดหวังสันติภาพ พวกเขาไม่อยากสู้รบ แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้รับมัน การให้ความหวังจากนั้นก็ทำลายมันทิ้ง คือความโหดหลายอีกประการหนึ่งของมนุษย์ เรื่องราวในช่วงเวลานั้น สายตาของผู้อ่านอย่างน้อย ก็ตัวผม มันไม่ถูกต้องในด้านมนุษย์ธรรม อย่างถึงที่สุด

ในทางกลับกัน ชาวอินเดียนแดงใช่ว่าทุกคนจะใฝ่หาสันติเสียหมด ชาวอินเดียนแดงบางกลุ่ม ได้ทำการตอบโต้คนขาวเพื่อป้องกัน อิสรภาพในผืนแผ่นดิน เพื่อศักดิ์ศรี การตอบโต้อย่างรุนแรงจึงเกิดขึ้น ทั้งการโจมตีสถานีการค้า การโจมตีแหล่งที่พักอาศัย รวมถึงป้อมทหารในบ้างครั้ง ความสูญเสียเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย เราไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า การกระทำเหล่านี้ ถูกต้อง เพราะ อย่างไรก็การโจมตีก็ส่งผลให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตไม่มากก็น้อย

สำหรับคนขาว ที่โดนเหล่าอินเดียแดงบางกลุ่ม โจมตีที่พักอาศัยละ อินเดียนแดงสามารถอาศัยความถูกต้องของตน ทำลายคนขาวได้หรือไม่ คนขาว ผู้อาศัยในดินแดนอินเดียนแดง พวกเขาสมควรหรือที่จะต้องตาย ในโลกนี้ผมว่าคนที่สมควรตายมักจะไม่ตาย คนที่ไม่สมควรตายกลับต้องตาย เมื่อมีใครขว้างก้อนหินออกไป เมื่อมีใครยิงกระสุนนัดแรกไปมันก็คือ จุดเริ่มต้น ของความวุ่นวายและหายนะ และการกระทำของอินเดียนแดงบางกลุ่มนั้น ทำให้ความถูกต้องของคนขาวมีน้ำหนักขึ้น เป็นเหมือนการโยนน้ำมันเข้ากองไฟ ส่งผลทำให้เกิดการเพาะความแค้น เป็นชนวนของความเกลียดชังของคนขาวต่อคนอินเดียนแดง นำหายนะมาสู่ตนเอง

จากการเรื่องราวที่อ่านมาคนทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วยคนทุกประเภทบ้างก็เป็นมิตร บ้างก็โหดร้าย  เต็มไปด้วยความโกรธาทว่าความขัดแย้งเกิดจากคนขาวบ้างกลุ่มที่มีความคิดอันผิดปกติ ในการต้องการกำจัดอีกฝ่าย ส่วนชาวอินเดียนแดงก็ต้องการตอบโต้อีกฝ่ายจนถึงที่สุด ณ จุดนี้ ย่อมต้องมีผู้นำ ซึ่งผู้นำเหล่านี้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่จะกำหนด การกระทำของคนอื่นๆ คนขาวมีผู้นำที่ต้องการกำจัดอินเดียนแดง โดยผู้นำคนขาวเหล่านี้ไม่ปรารถนาสันติภาพอยู่แล้ว ดังนั้นในระยะยาวสันติภาพย่อมไม่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ส่วนชาวอินเดียนแดงก็มีผู้นำที่ต้องการตอบโต้ ขับไล่คนขาว  ผลลัพธ์จึงกลายเป็นสงครามเป็นเหมือนเชื้อร้าย ที่ไม่สามารถถูกขจัดออกไปได้ เช่นเดียวกับปัจจุบันที่ผู้มีอำนาจจะมีแนวโน้มที่จะกำหนด แนวทางของคนส่วนมากได้ ซึ่งผู้ตามบางกลุ่มอาจจะเห็นชอบ หรือบางคนอาจกระเพียงเพราะเป็นหน้าที่ ถึงอย่างไรการกระทำของคนเหล่านี้อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญ ของโศกนาคกรรมอันยาวนานของชาวอินเดียนแดง หรือ ในทางตรงกันข้าม หากอินเดียนแดงไม่ทำการตอบโต้ เรื่องราวอาจจะย่ำแย่ไปมากกว่านี้ก็เป็นไปได้ เพราะ มนุษย์นั้นมีความโลภไม่สิ้นสุด โดยส่วนมากเมื่อคนเราตักตวงผลประโยชน์ได้ พวกเขาย่อมที่จะตักตวงอีก ในตอนแรกคนขาว บุกรุกอินแดนของชาวอินเดียนแดง ต่อมาก็มีการสร้างทางรถไฟ เพื่ออำนวยความสะดวกซึ่งเป็นการรุกล้ำที่มากขึ้นไปอีกขั้น และ นำมากสู่การตอบโต้ที่ของชาวอินเดียนแดงที่รุนแรงขึ้น เป็นวงจรที่ไม่มีทางจบลงจนกว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแหลกสลาย

สำหรับการมองจากปัจจุบัน การกระทำเหล่านี้ คนขาว ได้อะไร ในช่วงเวลานั้น คนขาวบ้างคนอาจจะได้พื้นดิน คนขาวบ้างคนอาจได้พื้นที่ปลูกไร่ บางคนอาจจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทีนี้ผมลองมองมุมกลับดู หากเป็นคนขาว หากมีบรรพบุรุษอยู่บนดินแดนที่แย่งชิงมา แต่การกระทำเหล่านั้นทำให้บรรพบุรุษ สามารถผ่านช่วงเวลา และดำเนินมาถึงรุ่นปัจจุบัน พวกเขาควรจะ รู้สึกผิด ด้วยหรือไม่  แล้วเหล่าอินเดียนแดงพวกเข้าผ่านการสูญเสียมากมาย แล้วสุดท้ายเรื่องราวของพวกเขาจะถูกทำให้เป็นเพียงหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ของการแย่งชิงทรัพยากรของคนขาว พวกเขาจะถูกกลืนเข้ากับปัจจุบันเพียงเท่านั้นหรือ   มันเป็นคำถามที่ยากจะตอบได้หรือบางที คำตอบอาจจะไม่มีอยู่เลย

หากมองอย่างโหดร้าย ธรรมชาติมักจะคัดเลือกสิ่งมีชีวิตด้วยกระบวนการของมันเอง ในอดีตกาลผู้เข้มแข็งเท่านั้นจึงจะอยู่รอด การที่อินเดียนแดง โดนกระทำเช่นนี้เป็นกระบวนการของธรรมชาติหรือ หากเป็นสิ่งมีชีวิต ชนิดอื่นอาจจะใช่ แต่เพราะเป็นมนุษย์ ซึ่งสมควรที่จะมีมโนธรรม คำตอบจึงไม่สามารถ บอกออกมาได้อย่างเต็มปาก

สุดท้ายไม่มากไม่น้อย คนเราสามารถหาเหตุผลให้ การกระทำของตนถูกต้องได้เสมอ แต่ผู้ที่จะตัดสินคือคนอื่นไม่ใช่พวกเขาเท่านั้น และเวลาก็ตัดสิน การกระทำของคนขาวต่ออินเดียนแดงครั้งนี้แล้ว

 

 

ในฐานะของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่เหตุการณ์ผ่านมาแล้วเกินกว่าหนึ่งร้อยปี การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถึงแม้ว่ามาใช่ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอินเดียนแดงและคนขาว

ในเชิงที่ลึกมากขึ้น แล้วนี้เป็นเป็นหนังสือที่ทำให้ผมได้ใช้ความคิดในการวิเคราะห์อย่างมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ของ ธรรมชาติความเป็นมนุษย์ หากมีคำถามหลังจากอ่านแล้วมันส่งผลต่อความคิดของผม ส่งผลต่อมุมมองต่อโลกอเมริกัน อย่างไร คำตอบของผมก็คงยังมองโลกเป็นเช่นเดิม เพราะโลกนี้ยากจะตัดสินใจได้ ว่าสิ่งใดถูกต้อง สิ่งใดผิด คนขาว ในยุคนั้นอาจจะโหดร้ายก็จริง แต่นั้นเป็นเพียงอดีตการยึดติดกับเรื่องราวเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ย่อมไม่อาจสร้างสรรค์สิ่งใด ตัวผมทำได้เพียงรับรู้เรื่องราวนี้ เหมือนกับ รับรู้ความจริงข้อหนึ่งของโลกและดำเนินชีวิตต่อท่ามกลางกระแสของโลก ซึ่งดำเนินอยู่ต่อไป จากวันจวบจนโลกสิ้นสลาย คนขาวอาจจะโหดร้าย ทุนนิยมอาจจะย่ำแย่ แต่เราเกือบทุกคนล้วนถูกผูกมัดไว้กับ กระแสของโลก ยากที่จะหลุดพ้นออกมาได้ เรื่องที่ผ่านมาแล้ว หลายครั้งไม่อาจลืมหรือให้อภัยได้ แต่ทุกชีวิตย่อมต้องเดินต่อไป ผมคิดว่าลูกหลานของคนอินเดียนแดง คงไม่อาจลืมเหตุการณ์เหล่านี้ได้แต่พวกเขายังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกต่อไป

เช่นเดียวกับ ชาวยิว ซึ่งเคยโดนเยอรมันไล่ล้างเผ่าพันธุ์ก็ยังคงต้องอยู่ร่วมโลกกันไป  ชาวจีนก็ยังคงอยู่ร่วมโลกกับญี่ปุ่น ถึงแม้มีเหคุการณ์ อย่างนานกิง  สุดท้ายความเกลียดชังย่อมเพาะความเกลียดชังขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ เราทำได้แค่รับรู้ประวัติศาสตร์และดำเนินชีวิตต่อไป สุดท้ายหากลืมความเกลียดชังได้ย่อมดีอย่างไรความจริงย่อมเป็นความจริง เหล่าชนชาติที่กระทำความโหดร้าย ย่อมต้องแบกประวัติศาสตร์นั้นเอาไว้ตลอดอยู่แล้วตามที่เวลาได้ตัดสินพวกเขาเหล่านั้น

 

Nattawat Danpaiboon เขียนถึง ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี ในโครงการ WAY Forward
author

Random books