MOG the Forgetful Cat: เพราะบางครั้งเราก็ขี้หลงขี้ลืม และบางครั้งการลืมก็เป็นเรื่องที่ดี

MOG the Forgetful Cat: เพราะบางครั้งเราก็ขี้หลงขี้ลืม และบางครั้งการลืมก็เป็นเรื่องที่ดี

-1-

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางอากาศที่ยังคงร้อนอยู่ในช่วงสายๆ ของเดือนกันยายน หลังจากทำธุระแถวๆ ย่านซองดงเสร็จและกำลังจะนั่งเมโทรกลับ ระหว่างยืนรอก็เปลี่ยนใจอยากนั่งยาวต่อไปอีกสักหน่อย เพราะยังมีเวลาเหลืออยู่เกือบทั้งวัน จึงตั้งใจไปเดินสำรวจและดูหนังสือที่ KYOBO Book Centre Gwanghwamun 

เมื่อถึงสถานีควางฮวามุนก็เดินออกไปยังร้านหนังสือแบบไม่รอช้า สำรวจได้ไม่นานก็สะดุดตากับหนังสือปกสีชมพูและเจ้าเสือสีส้ม เป็นหนังสือเกี่ยวกับชีวิตและผลงานของนักวาดภาพประกอบและนักเขียนขวัญใจเด็กๆ ที่มีนามว่า จูดิธ เคอร์ (Judith Kerr) แน่นอนว่าเนื้อหาด้านในเป็นภาษาเกาหลีทั้งหมด แม้จะแปลไม่ออก แต่สายตาของเจ้าเสือที่ปรากฏอยู่บนปกก็ทำให้อดใจไม่ได้ที่จะซื้อติดมือกลับมา

 

-2-

ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้นไป ขณะเดินสำรวจสั้นๆ ก็พบว่า นิทานสุดคลาสสิกของจูดิธ เคอร์ ได้ถูกแปลเป็นภาษาไทย นั่นก็คือเรื่อง เมื่อเสือโคร่งแวะมาดื่มชา (The Tiger Who Came to Tea) และ ม็อก แมวขี้หลงขี้ลืม (Mog the Forgetful Cat) และแน่นอนว่าก็ไม่พลาดที่จะซื้อกลับมาอ่าน หลังจากที่ห่างหายกับนิทานไปเสียนาน

 

-3-

ม็อกเป็นแมวที่อาศัยอยู่กับครอบครัวตระกูลโทมัส ซึ่งประกอบไปด้วยคุณโทมัส คุณนายโทมัส เด็บบี้ และนิกกี้ ม็อกเป็นแมวนิสัยดี ม็อกมักจะตื่นเต้นทุกครั้งกับการได้ออกไปวิ่งเล่นในสวนหลังบ้าน แต่ม็อกก็ชอบหลงลืมอะไรหลายๆ อย่าง อาทิ แม้จะกินข้าวเย็นไปแล้ว แต่ก็ชอบลืมว่าเพิ่งกินไป บางครั้งม็อกก็ลืมไปว่าตัวเองที่เป็นแมว บินไม่ได้

นอกจากนี้ ม็อกยังลืมว่ามีประตูบานเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับสวนหลังบ้าน แม้ว่าม็อกจะออกวิ่งเล่นผ่านประตูบานนั้น แต่พอจะกลับเข้าบ้านก็มักจะลืม จนต้องไปนั่งรอตรงหน้าต่างห้องครัว รอให้คนมาเปิดประตูทุกครั้งไป ต่อให้คุณโทมัสและคุณนายโทมัสมักจะบ่นว่า ม็อกเป็นเจ้าแมวตัวป่วน แต่เด็บบี้ก็จะคอยปกป้องม็อกอยู่เสมอ ด้วยการบอกว่า ม็อกเป็นแมวนิสัยดี

แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลังม็อกโดนคุณโทมัสไล่ เพราะนอนบังทีวีขณะกำลังดูรายการโปรด ม็อกเกิดคิดน้อยใจว่าไม่มีใครชอบเขาเลย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีเด็บบี้อยู่ ม็อกไม่รอช้า วิ่งขึ้นไปบนห้องนอนและปีนขึ้นไปหาเด็บบี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเด็บบี้ที่กำลังฝันร้าย กรีดร้องเสียงดังจนม็อกกระโดดหนีออกไปนอกบ้าน

ม็อกได้แต่นั่งอยู่ในสวนหลังบ้านที่มืดสนิท จมไปกับความรู้สึกที่ว่า ไม่มีใครชอบเขาสักคน ทุกคนนอนกันหมด ไม่มีใครช่วยพากลับเข้าบ้าน แต่ไม่นานม็อกก็สังเกตว่า มีดวงแสงเล็กๆ เคลื่อนไหวไปมาอยู่ในบ้าน และชายคนหนึ่งปรากฏตัวในห้องครัว ม็อกหวังว่าชายคนนี้จะช่วยให้กลับเข้าไปในบ้านได้ เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วม็อกจึงวิ่งไปที่หน้าต่าง และร้องอย่างสุดเสียงจนทำให้ชายคนดังกล่าวตกใจ ทุกคนในบ้านก็ตื่นกันหมด 

แน่นอนว่า ชายคนที่ม็อกเห็นเป็นขโมย คุณโทมัสโทรหาตำรวจและเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ไม่มีใครบ่นหรือว่าม็อกอีกเลย เพราะทุกคนต่างพูดว่า “ม็อกเป็นแมวที่ประเสริฐเสียจริง”

 

-4-

เมื่ออ่านจบแล้วก็รู้สึกว่า เป็นเรื่องราวน่ารักๆ ตามประสานิสัยแมว แถมจบแบบแฮปปี้อีกต่างหาก แต่หากลองนั่งคิดและมองในอีกมุมหนึ่ง เราเองก็มีช่วงเวลาที่ไม่ต่างกับม็อก บางครั้งเราก็ ‘ลืม’ จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาหรือแสร้งแกล้งทำ 

แต่บางครั้งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การ ‘ลืม’ ก็เป็นเรื่องที่ดี แม้เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นก็ตาม

จะว่าไปแล้วบางครั้งเราก็ ‘ลืม’ ไปว่า หนังสือเล่มบางๆ อย่างนิทานที่เคยได้ฟังหรือได้อ่านเมื่อตอนเป็นเด็กนั้นก็ปลอบโยนจิตใจ และสร้างรอยยิ้มให้เราในวันที่เติบโตได้เหมือนกัน

 

ม็อก แมวขี้หลงขี้ลืม (Mog the Forgetful Cat)
Author & Illustrator: Judith Kerr
แปลโดย: Tinybeans
tagged    
author

Random books