จากดอยยาวถึงภูผาจิ [ปกแข็ง]

500 ฿

จันทนา ฟองทะเล เขียน
พิมพ์ครั้งที่ 5 ในวาระ 50 ปี 14 ตุลา: ตุลาคม 2566

รายละเอียดหนังสือ

  • ความหนา 272 หน้า
  • ปกแข็ง สันตรง
  • หุ้มแจ็กเก็ต
  • เข้าเล่มเย็บกี่ไสกาว
หมวดหมู่: ป้ายกำกับ: ,

คำอธิบาย

ในวาระ 50 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม นี่คือหนึ่งในหนังสือสำคัญที่จะช่วยให้มองเห็นและเข้าใจความต่อเนื่องของคลื่นขบวนอุดมคติคนหนุ่มสาวเดือนตุลา นับจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ต่อเนื่องถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

• คุณค่าทางประวัติศาสตร์

ผู้เขียนเป็นอดีตนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นนักศึกษา นักกิจกรรมผู้เข้าร่วม และเป็นพยานรู้เห็นอยู่ใน 2 เหตุการณ์ กล่าวคือเคยร่วมเดินขบวนขับไล่เผด็จการทหารในเหตุการณ์ 14 ตุลา ขณะเรียนชั้นปีที่ 2 และอยู่ในฉากสังหารหมู่ 6 ตุลา ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสนามหลวง ขณะเรียนชั้นปีที่ 5
แม้นว่าฉากเหตุการณ์เกือบทั้งหมดในหนังสือ จะเป็นบทบันทึกการสู้รบในเขตป่าเขาภาคเหนือ แต่ผู้เขียนได้สะท้อนจุดยืนความคิดทางการเมืองของตนเอง ผ่านบริบท 2 เหตุการณ์ซึ่งมีความต่อเนื่องไม่ได้แยกขาดจากกัน รวมถึงเหตุผลและความคาดหวังในการตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) จับอาวุธสู้รบกับกองกำลังรัฐบาลในขณะนั้น
ในอีกแง่หนึ่ง นี่จึงเป็นบทบันทึกบทบาทของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าว อันเป็นบทบาทที่ส่งผลต่อทั้งทิศทางความคิดและการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษา รวมถึงนโยบายทางการทหารและการระหว่างประเทศของรัฐไทยในเวลานั้น

• คุณค่าทางวรรณศิลป์

จากดอยยาวถึงภูผาจิ ได้รับการยอมรับจากผู้อ่านในเชิงวรรณศิลป์อย่างน้อย 3 ประเด็น
หนึ่ง ระดับน้ำเสียงในการเล่า กล่าวคือ แม้นว่างานเขียนชิ้นนี้จะทำหน้าที่บันทึกการสู้รบและใช้ชีวิตในเขตป่าเขา ซึ่งถูกรุกไล่กวาดล้างจากกองกำลังเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะเดียวกันยังต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในเงื่อนไขสภาพแวดล้อมที่คนเมืองไม่คุ้นเคย แต่แทบไม่ปรากฏน้ำเสียงขึ้งโกรธเกรี้ยวกราดฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งไม่มีร่องรอยโอ้อวดวีรกรรมของคนรุ่นตน เรียกร้องการยกย่องยอมรับจากใคร
สอง ผู้เขียนใช้ถ้อยคำบรรยายเก็บรายละเอียดฉากภูมิประเทศภูดอย ถ่ายทอดเป็นตัวอักษรอย่างคมกริบราวกับภาพถ่ายหรืองานจิตรกรรมสกุลสมจริง การถ่ายทอดภาวะอารมณ์ความรู้สึกเป็นไปอย่างประณีต ละเอียดละออ แต่ซื่อตรงและองอาจตามอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ผู้ถูกบีบคั้นในสถานการณ์สู้รบ
สาม แม้นว่าเส้นเรื่องหลักของหนังสือเล่มนี้คือบันทึกช่วงชีวิตโศกนาฏกรรมของคนคนหนึ่ง ในระหว่างเส้นทางประวัติศาสตร์บาดแผลของประเทศ แต่เราสามารถสัมผัสพลังชีวิตคนหนุ่มสาวผ่านตัวหนังสืออย่างแจ่มชัด แน่นอน มันมีความอ่อนหัดทุลักทุเลปะปนในความหาญกล้า แต่ผู้เขียนก็แสดงออกชัดว่าพร้อมปรับตัวเรียนรู้ อดทน ยืนหยัด อุทิศตัวเพื่อรักษาสิ่งมีค่าบางอย่างในใจเอาไว้
พลังหนุ่มสาวอาจพัดผ่านมาเพียงครั้งเดียวในชั่วชีวิต แต่ทัศนคติเช่นนี้จำเป็นเสมอในทุกช่วงชีวิต