คำอธิบาย
พ่อหล่อสอนลูก เป็นหลักฐานยืนยันให้ตัวเองโล่งใจไปเปลาะน้อยๆ เปลาะหนึ่งว่า ถึงอย่างไร ที่เคยคิดว่าตัวเองสมาธิสั้นอ่านอะไรไม่ค่อยจะจบในรวดเดียวนั้น อย่างน้อยก็ยังใช้ไม่ได้กับหนังสือเล่มนี้
ได้มาเมื่อตอนบ่าย เปิดอ่านเมื่อตอนดึกๆ รวดเดียวจนถึงตอนนี้-และบอกว่าระดับความเร็วในการอ่านที่เคยภูมิอกภูมิใจสมัยประถมนั้น แท้จริงแล้วก็ยังไม่ลดลงสักกี่มากน้อย เต็มที่ก็แค่ปัญหาสายตาสั้นที่พุ่งพรวดๆ ตามอายุแะการใช้งาน
แม้ข้อความในหนังสือจะเป็นห้วงคำนึงและบทสนทนาระหว่างพ่อกับลูก แต่เนื้อหาของมันจริงๆ แล้วคือการตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์สังคม การเมือง ที่ก็บอกตัวตนของคนเขียนอย่างพ่อหล่อชัดเจนทุกบรรทัด เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจโลกทรรศน์ของเด็ก และของคนที่ผ่านโลกมามาก
แน่นอนว่ามันไม่ใช่หนังสือ How to เลี้ยงลูกอย่างไร เพราะแม้เนื้อในจะเล่าถึงการเลี้ยงลูกบ้างประปราย แต่ใจความสำคัญที่ทำให้คนทั้งมีลูกและไม่มีลูกควรซื้อหามาอ่านกันคือ ทัศนคติและวิธีคิดของพ่อหล่อ ที่เชื่อมั่นและศรัทธาในตัวของมนุษย์อย่างเต็มเปี่ยม และมากไปกว่านั้น นี่คือมุมมองที่เขามีต่อตัวเองหลังจากมีลูกเป็นส่วนหนึ่ง-ส่วนสำคัญที่สุดในชีวิต และเลี่ยงไม่ได้ที่อ่านแล้วจะตั้งคำถามต่อตัวเอง ถึงจุดยืน และความสามารถในการเข้าอกเข้าใจความซับซ้อนและอ่อนไหวของมนุษย์ด้วยกัน
ในฐานะที่เป็นลูกของพ่อแม่คู่หนึ่ง ยังจำวันที่กลับไปบ้านในวันหยุดเทศกาล เจอหน้าพ่อที่ไม่ได้เจอมาเกือบปีเต็มๆ แกก็วุ่นวายอยู่กับการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ สลับกับหานั่นนี่มาให้กินตามเรื่อง
“นับกันจริงๆ แล้ว เราอยู่กับพ่อแค่ 18 ปีเอง-ที่เหลือจากนั้นตลอดชีวิต นับวันเวลาที่เจอกันอาจแค่สักห้าปีได้มั้ง”
เข้าใจว่าพ่อคงไม่ได้เจตนาให้คนเป็นลูกจุกในอกลึกๆ แกก็พูดของแกไปอย่างนั้นเองตามความคิดถึง-นี่ยังไม่พูดถึงแม่ ที่ทั้งชีวิต เผลอๆ นับดูอาจพบเจอและอยู่ใช้ชีวิตด้วยกันเฉลี่ยแล้วเป็นเลขหลักเดียวในหน่วยปี
อ่าน พ่อหล่อสอนลูก แล้วนึกถึงคำพ่อวันนั้น โลกของเรา-คนที่เป็นลูก มีแต่จะกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พบเจอคนอีกมากมายตามรายทางที่ต้องเดิน ขณะที่โลกของพ่อแม่นั้นอาจแคบลงไปทุกวัน
รวมๆ แล้ว นอกเหนือจากคุณูปการอย่างที่กล่าวไปด้านบน อ่าน พ่อหล่อสอนลูก แล้ว ยังอยากกลับบ้านทั้งที่ไม่ได้คิดอยากกลับแบบนี้มานานแล้ว